อาการปวดท้อง เป็นอีกอาการหนึ่งที่วินิจฉัยยากมาก และคนไข้มักจะบอกอาการได้ไม่ค่อยชัดเจน ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าปวดทั่วท้อง หากคนไข้บอกไม่ชัดเจนก็อาจทำให้หมอวินิจฉัยผิดได้เช่นกันนะครับ

วันนี้จึงมาแนะนำวิธีสังเกตตัวเองกันครับว่า อาการปวดท้องแบบต่างๆ จะสงสัยว่าเป็นโรคอะไรได้บ้าง
โดยอาการปวดท้องแบ่งบริเวณของอาการปวดท้องได้เป็น 9 ส่วนดังนี้ครับ

1. ชายโครงขวา เป็นบริเวณของตับและถุงน้ำดี หากกดเจ็บแล้วคลำพบก้อน ร่วมกับมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง สันนิฐานได้ว่าอาจจะเป็นโรคตับและถุงน้ำดี

2. ใต้ลิ้นปี่ คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับและกระดูกลิ้นปี่ ถ้าปวดประจำเวลาหิวอาจเกี่ยวกับโรคกระเพาะ หากปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาจเจียนอาจเป็นภาวะตับอ่อนอักเสบ

3. ชายโครงขวา คือ ม้าม

4. บั้นเอวขวา เป็นท่อไต ไต สำไส้ใหญ่ ถ้าปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ้าถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นลำไส้อักเสบ หากปวดร้าวลงต้นขาอาจเป็นนิ่วในท่อไต หากปวดหลังร่วมกับมีไข้ หนาวสั่นอาจเป็นกรวยไตอักเสบ

5. รอบสะดือคือลำไส้เล็ก มักพบในโรคท้องเดินหรือสำไส้อักเสบ

6. บั้นเอวซ้าย เป็นท่อไต ไต สำไส้ใหญ่ ถ้าปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ้าถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นลำไส้อักเสบ หากปวดร้าวลงต้นขาอาจเป็นนิ่วในท่อไต หากปวดหลังร่วมกับมีไข้ หนาวสั่นอาจเป็นกรวยไตอักเสบ

7. ท้องน้อยขวา ไส้ติ่งและปีกมดลูก หากปวดเสียดตลอดเวลาและกดเจ็บมากมักเป็นไส้ติ่งอักเสบ หากปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาวมากอาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ

8. ท้องน้อย คือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก หากปวดเวลาปัสสาวะหรือปัสสาวะกระปิดกระปอยอาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือในผู้หญิงปวดประจำเดือนมาก ปวดเรื้อรังอาจเป็นเนื้องอกในมดลูก

9. ท้องน้อยซ้าย คือ ปีกมดลูกและท่อไต หากปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวลงมาหน้าขาอาจเป็นนิ่วในท่อไต หากปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาวมากอาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ หากปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติอาจเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ หากปวดแล้วคลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกประจำอาจเป็นเนื้องอกในลำไส้

อย่างไรก็ตามอาการข้างต้นนี้ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะครับ ยิ่งหากมีอาการปวดท้องร่วมกับน้ำหนักตัวลดลงผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหากลุ่มเสี่ยงในการเป็นมะเร็งครับ
Share To:

Post A Comment: