รูปภาพธีมโดย Ailime. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Top News

น่าสนใจมากๆ วิธีย้อมสีผมธรรมชาติด้วยกาแฟ ทำง่าย ได้สีผมสวย ไม่เสี่ยงมะเร็ง

ข้อมูลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์มักจะบอกว่าน้ำยาย้อมสีผมนั้นมีส่วนผสมของเคมีหลายชนิดที่เป็นตัวกระตุ้นอาจก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งผิดปกติได้

จำนวนผู้หญิงกว่า 87 - 100 คนที่ทำสีผมมานานถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งจำนวนผู้ป่วยที่ย้อมสีผม 1 - 4 ครั้งต่อปี ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ร้อยละ70


ผลิตภัณฑ์จากธรรชาติก็อาจจะทำให้สีผมอยู่ได้ไม่นาน ถึงอย่างไรมันก็มีส่วนช่วยในการทำให้เส้นผมแข็งแรงและปกป้องเส้นผมของคุณ ตามที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติตรวจพบว่ามีส่วนผสมของสารเคมีกว่า 500 ชนิดในน้ำยาย้อมผมและเกือบทั้งหมดนั้นเป็นสารก่อมะเร็ง โห! เมื่อรู้ก็รู้สึกแย่เลยใช่ไหมละ

กาแฟ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติอาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณคาดไม่ถึง มันจะช่วยส่งผลดีๆต่อเส้นผมของคุณไม่พอยังทำให้ผมงอกยาวเร็วมากขึ้น

ในปี 2007 มีการศึกษาและตีพิมพ์ลงนิตยสารต่างประเทศด้านโรคผิวหนังฉบับเดือนมกราคมว่า “กาแฟสามารถสร้างเรื่องตกตะลึงได้เมื่อนำไปบำรุงเส้นผมให้ยาวขึ้น”

แล้วถ้าจะใช้กาแฟย้อมสีผมละทำอย่างไร?

1.เตรียมกาแฟออแกนนิคตัวฤทธิ์แรงอย่าง เอสเพรสโซ่ เพราะหากไม่ใช้แบบออแกนนิคละก็ไม่พ้นเจอสารเคมีอีกแน่ๆ

2.ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง

3.ใส่กาแฟออแกนิค 2 ช้อนชากับครีมนวดผมแบบธรรมชาติ 2 ถ้วยลงไปผสมกัน และกาแฟที่เย็นแล้วอีกหนึ่งถ้วยเตรียมไว้

4.นำที่ผสมไว้ชโลมใส่บนเส้นผมของคุณให้ทั่ว ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง การย้อมธรรมชาตินี้จะทำให้สีผมของคุณโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นผมเลยแหละ ทีนี้คุณก็จะได้สีผมสีน้ำตาลช็อคกาแลตเข้มมาอย่างไม่น่าเชื่อเลยละ

วิธีล้างกาแฟ

1.ล้างผมด้วยน้ำยาสระผมจากนั้นนำกาแฟที่เย็นแล้วที่เตรียมไว้ขั้นต้นล้างตาม

2.ทิ้งไว้อีก 20 นาที

3.ใช้น้ำส้มสายชูล้างผมจะทำให้สีติดคงทนยิ่งขึ้น

4.ล้างผมอีกครั้งด้วยน้ำอุ่น ถ้าสียังไม่ติดทั่วหรือสียังไม่สวยเท่าที่ต้องการก็ลองทำซ้ำอีกครั้งก็ได้ตามความสวยที่คุณต้องการ
ผู้หญิงหลายคนส่วนมากจะใช้จ่ายเงินกันเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อกำจัดริ้วรอยดังกล่าว ในขณะที่เรามีสิ่งของที่สามารถทำแบบนั้นได้อยู่แล้วที่อยู่ในครัวของเรา

ทุกคนรู้กันดีว่า กระเทียมนั้นช่วยสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี การที่มันมีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยลบริ้วรอยได้อีก เราจึงนำเสนอสิ่งนี้มาให้คุณได้ลองกันดู

สูตรลบริ้วรอย

เริ่มโดยการเตรียมกระเทียมที่ปอกเปลือกแล้วเรียบร้อย 1 ผล บดมันให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และแป้ง 1 ช้อนชา ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งของที่สามารถหาได้ง่ายๆตามร้านทั่วไปและราคาไม่แพง เสร็จแล้วเตรียมไปนำมาร์กหน้าของเรา

ขั้นตอนต่อไปคุณต้องล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำส่วนผสมดังกล่าวไปมาร์กหน้า ทิ้งไว้เป็นเวลา 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น โดยคุณสามารถทิ้งระยะค้าง 1 คืนเลยก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่า คุณจะไม่มีปัญหาใดๆกับปลอกหมอนที่อาจจะเปื้อนมันนะ
ปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากตระหนักถึงความจริงที่ว่า เราต้องหมั่นดูแลรักษาผิวพรรณของเราให้มากขึ้น ทุกคนรู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่มีขายตามท้องตลาดไม่ได้ดีพออย่างที่โฆษณาไว้
อีกทั้งมันยังมีอันตรายและส่งผลข้างเคียงต่อเราอีกด้วย โชคดีที่ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะในบทความนี้เราจะนำเสนอวิธีการรักษาด้วยธรรมชาติที่ดีที่สุดและยังมีประสิทธิภาพมากในการรักษาปัญหาผิวโดยปราศจากผลข้างเคียงใดๆ กับคุณ

ว่านหางจระเข้ เป็นส่วนผสมหลักในการแก้ไขปัญหานี้ เรารู้ดีว่าพืชชนิดนี้ให้ความชุ่มชื้นกับผิว และมันยังสามารถใช้รักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างมากมายเพราะมันอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งมันจะช่วยทำให้ผิวของคุณขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

วิธีการใช้ว่านหางจระเข้ให้ผิวขาว

1.ว่านหางจระเข้กับน้ำตาล

ร้านเสริมความงามทั่วไปนิยิมสครับผิวด้วยน้ำตาล เพื่อขัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปและเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนใสออกมา อย่างไรก็ตามมันก็ยังสร้างปัญหาให้กับผิวเพราะพวกมันมีสารเคมีปนปะอยู่ ข่าวดีก็คือคุณสามารถสครับผิวได้ด้วยตัวคุณเองทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการผสมน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะกับเจลว่านหางจระเข้และนำมาทาบริเวณผิวที่มีปัญหา

2.ว่านหางจระเข้กับมะละกอ

ผลิตภัณฑ์หลายชนิดจะมีเนื้อมะละกออยู่ในส่วนผสม เพราะมันมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ แต่อย่างที่เราได้กล่าวมาแล้วว่าผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่ตามร้านค้ามักมีสารเคมีปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณจึงควรทำมันด้วยตัวเอง เพียงคุณแค่นำเนื้อมะละกอมาผสมรวมกับเจลว่านหางจระเข้ และนำไปพอกทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณครึ่งชั่วโมง และล้างออกให้สะอาด รับรองว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะสร้างความประหลาดใจให้กับคุณ

3.ว่านหางจระเข้ผสมกับน้ำผึ้ง

เพื่อให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและสว่างสดใส คุณควรผสมน้ำผึ้งและนมไปพร้อมกับเจลว่านหางจระเข้ ในส่วนผสมที่เท่ากัน จากนั้นนำมาทาไว้บนใบหน้าของคุณ พอกทิ้งไว้เป็นเวลา 20 นาทีแล้วล้างออก

4.ว่านหางจระเข้กับนม

การนำว่านหางจระเข้กับนมมาผสมกัน และทาเป็นครีมบางๆ พอกทิ้งไว้บนใบหน้าของคุณ มันจะให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์กับคุณ

ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการใช้ครีมที่มีวางขายตามท้องตลาดอีกต่อไป คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแทนได้และยังปราศจากสารพิษใดๆ อีกด้วย
การดูแลเส้นผมเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับการดูแลร่างกายและผิวหน้า และนี่คือเหตุผลที่คุณควรดูแลเส้นผมให้ดีเท่ากับร่างกายและใบหน้าของคุณ

หากคุณมีเส้นผมที่ตรงสลวยสวยงามนั้นถือว่าคุณโชคดีมาก และตอนนี้เรามีหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้เส้นผมของคุณยืดตรงได้อย่างง่ายๆ เพื่อให้ใบหน้าของคุณยิ่งดูสวยโดดเด่นขึ้นมา

แต่ในทางกลับกันหากคุณไม่ได้มีเส้นผมที่ตรงหรือได้เคยผ่านการดัดผมจนหยิกจากร้านทำผมมาจนทำให้ผมของคุณได้รับความเสียหายและคุณกลับไปยืดผมให้ตรงด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีจนเกิดผลกระทบตามมา เช่น ผมแห้ง ผมร่วง ฯลฯ

วิดีโอนี้จะช่วยแนะนำวิธียืดผมอย่างถูกต้องให้กับคุณ:



 
1. Vaseline สูตร Healthy: อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 ซึ่งช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใส ช่วยปกป้องผิวจากจุดด่างดำ ป้องกันรังสี UVA และ UVB ซึ่งทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

2. Nivea สูตร Body UV Whitening: อุดมไปด้วยวิตามินซีช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้น เมื่อทาแล้วจะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น และสามารถช่วยในการป้องกัน UV จากแสงแดดได้ ซึมเข้าผิวเร็วไม่เหนอะตัว

3. Bhaesa: ผสมสารป้องกันแสงแดด ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ใสขึ้น เนียนและนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย

4. Citra Pearly White UV Extra Lotionสำหรับคนผิวคล้ำ: อุดมไปด้วยวิตามินบี3ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ช่วยลดความหมองคล้ำของผิว ปกป้องผิวจากรังสี UVA ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดจุดด่างดำ และรังสี UVB ที่ทำให้ผิวเกิดการหมองคล้ำ หรือรอยไหม้ คืนความชุ่มชื่นให้ผิวดูสุขภาพดี

5. Garnier Body Light Extra: ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ปรับผิวให้ดูกระจ่างใส แถมยังฟื้นฟู และช่วยบำรุงผิว (เพิ่มสารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาวเป็น 2 เท่า) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น

6. Jergen สูตร Original Scent: ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นหากใช้เป็นประจำจะช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้านได้ ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี ผิวนุ่มสัมผัส และช่วยในการฟื้นฟูให้สีผิวเรียบเนียนมากกว่าเน้นให้ผิวกระจ่างใส

หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ใครที่อยากมีผิวขาวกระจ่างใส นุ่มน่าสัมผัส ก็ลองไปเลือกซื้อครีมที่ถูกใจกันได้เลย เราคัดมาให้แล้ว 6 ครีมที่เขาบอกกันว่าใช้ดี ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ ต้องลองด้วยตัวคุณเอง มีครีมบำรุงผิวช่วยให้เราขาวแล้วแต่เราก็ควรมีวินัยในการทาครีมด้วย ซึ่งควรทาเป็นประจำสม่ำเสมอ

สาวๆทุกคนเเน่นอนว่าต้องอยากขาวเเน่ๆจร้า ซึ่งตอนนี้เราจะพาเพื่อนมาดูวิธีการทำให้ผิวขาว เเบบง่ายๆโดยใช้ นม กับ มะนาว มาดูเป็นควารู้ก่อนนะคะ

ในน้ำนมอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญทั้งคาร์โบไฮเดรต  โปรตีน  ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด อาทิ Threonine , Isoleucine, Leucine, Lysine, Methionine, Cystine, Phenylalanine, Tyrosine, Valine, Histidine, Alanine ไขมัน  วิตามิน A, B, D และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม  แมกนีเซียม เป็นต้น



มะนาวก็มีวิตามินซีอยู่มากมายเช่นกัน คนในสมัยก่อนก็มักจะใช้มะนาว ในการขัดผิว ขัดเล็บ หรือทำเป็นน้ำดื่ม เพื่อบำรุงผิวพรรณกันเสมอ

1.นมสดจืด

2.มะนาว

3.น้ำผึ้ง




**วิธีเพิ่มความขาวแบบติดสปีดง่ายๆ**

• นำส่วนผสมทั้งหมดนี้มามิกซ์กัน โดยนำนมจืดกับน้ำมะนาวมาผสมกันก่อนจากนั้นใส่น้ำผึ้งลงไป
• เนื้อที่ได้จะเป็นเหมือนสครับนำมาขัดผิวให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ไม่เกิน 5 นาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดได้เลย
• ทำแบบนี้ทุกวันเห็นผลแน่นอน ลองทำกันดูนะคะสาวๆ
อาการปวดท้อง เป็นอีกอาการหนึ่งที่วินิจฉัยยากมาก และคนไข้มักจะบอกอาการได้ไม่ค่อยชัดเจน ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าปวดทั่วท้อง หากคนไข้บอกไม่ชัดเจนก็อาจทำให้หมอวินิจฉัยผิดได้เช่นกันนะครับ

วันนี้จึงมาแนะนำวิธีสังเกตตัวเองกันครับว่า อาการปวดท้องแบบต่างๆ จะสงสัยว่าเป็นโรคอะไรได้บ้าง
โดยอาการปวดท้องแบ่งบริเวณของอาการปวดท้องได้เป็น 9 ส่วนดังนี้ครับ

1. ชายโครงขวา เป็นบริเวณของตับและถุงน้ำดี หากกดเจ็บแล้วคลำพบก้อน ร่วมกับมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง สันนิฐานได้ว่าอาจจะเป็นโรคตับและถุงน้ำดี

2. ใต้ลิ้นปี่ คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับและกระดูกลิ้นปี่ ถ้าปวดประจำเวลาหิวอาจเกี่ยวกับโรคกระเพาะ หากปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาจเจียนอาจเป็นภาวะตับอ่อนอักเสบ

3. ชายโครงขวา คือ ม้าม

4. บั้นเอวขวา เป็นท่อไต ไต สำไส้ใหญ่ ถ้าปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ้าถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นลำไส้อักเสบ หากปวดร้าวลงต้นขาอาจเป็นนิ่วในท่อไต หากปวดหลังร่วมกับมีไข้ หนาวสั่นอาจเป็นกรวยไตอักเสบ

5. รอบสะดือคือลำไส้เล็ก มักพบในโรคท้องเดินหรือสำไส้อักเสบ

6. บั้นเอวซ้าย เป็นท่อไต ไต สำไส้ใหญ่ ถ้าปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ้าถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นลำไส้อักเสบ หากปวดร้าวลงต้นขาอาจเป็นนิ่วในท่อไต หากปวดหลังร่วมกับมีไข้ หนาวสั่นอาจเป็นกรวยไตอักเสบ

7. ท้องน้อยขวา ไส้ติ่งและปีกมดลูก หากปวดเสียดตลอดเวลาและกดเจ็บมากมักเป็นไส้ติ่งอักเสบ หากปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาวมากอาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ

8. ท้องน้อย คือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก หากปวดเวลาปัสสาวะหรือปัสสาวะกระปิดกระปอยอาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือในผู้หญิงปวดประจำเดือนมาก ปวดเรื้อรังอาจเป็นเนื้องอกในมดลูก

9. ท้องน้อยซ้าย คือ ปีกมดลูกและท่อไต หากปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวลงมาหน้าขาอาจเป็นนิ่วในท่อไต หากปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาวมากอาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ หากปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติอาจเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ หากปวดแล้วคลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกประจำอาจเป็นเนื้องอกในลำไส้

อย่างไรก็ตามอาการข้างต้นนี้ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะครับ ยิ่งหากมีอาการปวดท้องร่วมกับน้ำหนักตัวลดลงผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหากลุ่มเสี่ยงในการเป็นมะเร็งครับ
น่าทึ่งมากๆ..แค่ทำแบบนี้กับนิ้ว ก็สามารถลดอาการ ปวดหัว เวียนหัว กระเพาะไม่ดี ได้

ใจสั่น กระเพาะอาหารไม่ดี ---> ให้ขูดเบาๆทีนิ้วโป้ง

นิ้วโป้งสอดคล้องกับหัวใจ ปอด  เมื่อมีอาการใจสั่น, แน่นหน้าอก ฯลฯ สามารถใช้นิ้วอีกข้าง บีบที่โคนนิ้วโป้งแล้วปล่อยออก ปอดที่ไม่ดีจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของม้ามและกระเพาะอาหาร ดังนั้นคนที่ม้ามและกระเพาะอาหารไม่ดี สามารถทำแบบนี้ได้

ท้องอืด--->ให้ขูดเบาๆที่นิ้วชี้

นิ้วชี้จะสอดคล้องกับลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร คนที่มีอาการท้องผูก อาการท้องเสีย คุณควรจะขูดเส้นที่นิ้วชี้

เมารถนอนไม่หลับ ->ให้ขูดเบาๆที่นิ้วกลาง

ก่อนจะขึ้นรถ หรือมีอาการรู้สึกเมารถ ให้ขูดเบาๆที่นิ้วกลาง นอกจากนี้คนที่นอนหลับยาก มีปัญหาเยื่อหุ้มหัวใจ ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้

ไมเกรน, ปวดคอ -> ให้ขูดเบาๆที่นิ้วนาง

คนที่ปวดคอเป็นไมเกรนบ่อย แสดงว่าการไหลเวียนของเลือดไม่ดี ให้ขูดเบาๆที่นิ้วนางได้

ผมร่วง--> ให้ขูดเบาๆที่นิ้วก้อย

คนที่ที่ผมร่วงบ่อย การดูดซึมในลำไส้เล็กไม่ดี ให้ขูดเบาๆที่นิ้วก้อย

สุขภาพทั่วไป -> ตบฝ่ามือเบาๆ

มีจุดจำนวนมากบนฝ่ามือ หากต้องการที่จะมีสุขภาพทั่วไปที่ดี ให้ตบเบา ๆที่ฝ่ามือ

ปวดหลังปวดเอว -> ตบหลังฝ่ามือเบาๆ

การแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมกล่าวว่า เท้าหรือฝ่ามือกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายจะสอดคล้องกัน เพราะฉะนั้นคนที่ปวดเอวปวดหลังบ่อยให้นวดที่หลังมือบ่อยๆ วิธีการทำคือใช้ฝ่ามีอีกข้างตบเบาๆที่หลังมืออีกข้าง สลับกันตีเบาๆ

นางเรเน ทอลเลย์ วัย 45 ปี อดีตนักเต้นระบำเปลื้องผ้า ให้สัมภาษณ์สื่อเปิดใจเกี่ยวกับความผิดพลาดในการทำศัลยกรรมพลาสติกบริเวณก้นของเธอ ซึ่งทำให้เธอสามารถพลิกก้อนเนื้อด้านในก้นของตนเองได้

เรเนบอกว่า เธอทำศัลยกรรมบั้นท้ายโดยการใส่ซิลิโคนเข้าไปเสริม แต่ผลกลับกลายเป็นว่า เธอมีอาการโรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune disease) ซึ่งทำให้มีอาการอิดโรย ปวดท้อง เนื่องจากซิลิโคนไหลกลับขึ้นไปที่หลังและไหลลงมาที่ต้นขาของเธอ เรเนจึงตัดสินใจไปผ่าตัดเอาซิลิโคนออก และใช้วิธีปลูกถ่ายเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวแทน โดยแพทย์ได้สั่งให้เธอระมัดระวังอย่างมากเป็นเวลา 6 เดือนแต่เธอไม่ได้ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ทำให้เนื้อบริเวณดังกล่าวมีความผิดพลาดสามารถพลกิกลับด้านได้ จนเธออัดคลิปและเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ “ยูทูบ” ตั้งแต่เดือนพ.ย.2555 เพื่อเป็นอุทธารณ์ให้แก่สาวๆ ที่กำลังสนใจเข้ารับการทำศัลยกรรมเสริมก้น เนื่องจากผลอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดหวังทั้งหมด

ทางการแพทย์จะมีภาษาเฉพาะที่ไว้ใช้เรียกชื่อโรค หรืออาการป่วยต่างๆ ซึ่งในบางโรคนั้นอาจจะมีชื่อเรียกเฉพาะทางที่ยาวเกินไป คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจ และจดจำได้ยาก

วันนี้เราจึงนำสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่อง คำศัพท์อาการป่วย เป็นภาษาอังกฤษ ที่เข้าใจได้ง่ายๆ ตามแบบฉบับคนทั่วไป มาให้ได้เรียนรู้กันค่ะ จะได้เข้าใจ และนำไปใช้ได้ถูกต้องนะคะ

1.gout อ่านว่า เกาท์ ความหมาย โรคเกาต์

2.hemorrhoids อ่านว่า เฮมะรอยดสฺ ความหมาย ริดสีดวงทวาร

3.piles  อ่านว่า ไพลสฺ ความหมาย ริดสีดวงทวาร

4.pneumonia อ่านว่านิวโมเนีย ความหมายโรคปอดบวม

5.gastritis   อ่านว่า แกซไทรซิส ความหมาย โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

6.appendicitis อ่านว่า แอพเพนดิไซทิส ความหมาย โรคไส้ติ่งอักเสบ

7.enteritis  อ่านว่า เอนเทอไรทิซ ความหมายโรคลำไส้อักเสบ

8.food poisoning  อ่านว่า ฟูด พอยเซินนิง ความหมาย อาหารเป็นพิษ

9.diarrhea  อ่านว่า ไดเออะเรีย ความหมาย ท้องร่วง

10.jaundice  อ่านว่า จอนดิซ ความหมาย ดีซ่าน

11.cirrhosis อ่านว่า สิโรซิสความหมาย โรคตับแข็ง

12.gallstones อ่านว่า กอลสโตนสฺ ความหมาย โรคนิ่วในถุงน้ำดี

13.diabetes อ่านว่า ไดอะบีทสฺ ความหมาย โรคเบาหวาน

14.tonsillitis อ่านว่า ทอนซิลลิซิส ความหมาย ต่อมทอนซิลอักเสบ

15.fever อ่านว่า ฟีเวอรฺ ความหมายไข้

16.measles อ่านว่า มีเซิล ความหมาย โรคหัด

17.German measles เจอมัน มีเซิล ความหมาย โรคหัดเยอรมัน

18.rubella อ่านว่า รูเบลลา ความหมาย โรคหัดเยอรมัน

19.cancer อ่านว่า แคนเซอร์ ความหมาย โรคมะเร็ง

20.chicken pox  อ่านว่า ชิคเคน พ็อกสฺ ความหมาย อีสุกอีใส

21.dengue fever อ่านว่า เดงกี ฟีเวอรฺ ความหมาย ไข้เลือดออก

22.heart disease อ่านว่า ฮารฺทฺ ดิซีสฺ ความหมาย โรคหัวใจ

23.whooping cough อ่านว่า วูปปิง คอฟ ความหมาย โรคไอกรน

24.pertussisอ่านว่า  เพอทัสซิส ความหมาย โรคไอกรน

25.diphtheria อ่านว่า ดิพเธอเรีย ความหมาย โรคคอตีบ

26.tetanus อ่านว่า เททานัส ความหมาย โรคบาดทะยัก

27.asthmatic อ่านว่า แอสแมทิคฺ ความหมาย โรคหอบหืด

28.sinusitis อ่านว่า ไซนัสไซทิซความหมาย โรคไซนัสอักเสบ

29.laryngitis อ่านว่า ลาริงไจทิซ ความหมายโรคกล่องเสียงอักเสบ

30.stye อ่านว่า สตาย ความหมายโรคตากุ้งยิง

31.allergy อ่านว่า อัลเลอรฺจี ความหมาย ภูมิแพ้

32.shoulder stiffness อ่านว่า โชลเดอ สติฟเนส ความหมาย ไหล่เกร็ง

33.depression อ่านว่า ดีเพรสเชิน ความหมาย โรคซึมเศร้า

34.athlete’s foot อ่านว่า แอธลีทสฺ ฟูท ความหมาย โรคน้ำกัดเท้า /ฮ่องกงฟุต/กลากที่เท้า

35.impacted tooth อ่านว่า อิมแพคเท็ด ทูธ ความหมาย ฟันคุด

36.mumps อ่านว่า มัมพสฺ ความหมาย คางทูม

37.cold อ่านว่า โคลดฺ ความหมาย โรคหวัด,หนาว

38.constipation อ่านว่า คอนสทิเพเชิน ความหมาย อาการท้องผูก

39.dyspepsia อ่านว่า ดิสเพพเซีย ความหมาย อาการอาหารไม่ย่อย

40.dehydration อ่านว่า  ดีไฮเดรเชินความหมาย อาการที่ร่างกายขาดน้ำ

41.sprain อ่านว่า สเปรน ความหมาย อาการเคล็ด หรือแพลง

42.heartburn อ่านว่า ฮารฺทเบิรฺน ความหมาย อาการจุกเสียดแน่นท้อง

43.toothache อ่านว่า ทูธเอค ความหมายอาการปวดฟัน

44.stomachache  อ่านว่า สตอมัคเอค ความหมายอาการปวดท้อง

45.eyestrain อ่านว่า อายสเตรน ความหมาย อาการเพลียตา

46.insomnia  อ่านว่า อินซอมเนีย ความหมาย อาการนอนไม่หลับ

47.crick อ่านว่า  คริคฺ ความหมาย อาการเจ็บตึงกล้ามเนื้อ

48.sore throat อ่านว่า ซอรฺ โธรท ความหมาย อาการเจ็บคอ

49.stuffy nose อ่านว่า สตัฟฟี โนส ความหมาย อาการคัดจมูก

50.nose bleed อ่านว่า โนส บลีด ความหมาย อาการเลือดกำเดาไหล

51.convulsion อ่านว่า  คอนวัลเชิน ความหมาย การชักกระตุก

52.fracture อ่านว่า แฟรคเจอ ความหมาย กระดูกร้าว/หัก

53.broken bone อ่านว่า โบรกเคน โบน ความหมาย กระดูกหัก

54.burn อ่านว่า เบิรฺน ความหมาย แผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

55.blister อ่านว่า บลิสเตอ ความหมาย  แผลพุพอง

56.conjunctivitis อ่านว่า คอนจังทิไวซิส ความหมาย เยื่อบุตาอักเสบ/ตาแดง

57.nauseous อ่านว่า นอเซียส ความหมาย  คลื่นไส้

58.vomit อ่านว่า วอมิทฺ  อาเจียน

59.bleeding อ่านว่า บลีดดิง ความหมาย ที่มีเลือดไหล

60.misshapen อ่านว่า มิสเชพเพน ความหมาย ที่ผิดรูปผิดร่าง

61.bruise อ่านว่า บรูซฺ ความหมาย แผลฟกช้ำ

62.cough อ่านว่า คอฟ ความหมาย ไอ

63.inflamed อ่านว่า อินเฟลมดฺ ความหมาย อักเสบ

64.runny nose อ่านว่า รันนี โนส ความหมายน้ำมูกไหล

65.phlegm อ่านว่า เฟลม ความหมาย เสมหะ

66.swollen อ่านว่า สวอลเลิน ความหมายบวม

67.pus อ่านว่า พัสฺ ความหมาย หนอง

68.purulent อ่านว่า พูรูเลนทฺ ความหมายเป็นหนอง

69.chronic อ่านว่า ครอนิค ความหมาย เรื้อรัง

70.hiccup อ่านว่า ฮิคคัพ ความหมาย สะอึก

71.perspire อ่านว่า เพอรฺสไพรฺ ความหมาย เหงื่อออก
หลังจากที่เธอหายจากโรคมะเร็งมดลูก เธอจึงตัดสินใจบอกถึงวิธีรักษาโรคมะเร็งด้วย 3 ส่วนผสมต่อไปนี้..จู่ๆก็ช่วยทำให้เธอกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง!

โรคมะเร็งมดลูกตรวจพบมากขึ้นในปัจจุบัน ตามที่หญิงชราวัย 56 ปี ได้เล่าให้เราฟังว่าเราได้รับการวินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งชนิดนี้

ต่อมาเธอจึงตัดสินใจหาวิธีรักษาด้วยธรรมชาติต่างๆ เธอเคยได้ยินมาว่ามีการรักษาด้วยว่านหางจระเข้เธอจึงตัดสินใจที่จะทดลอง เธอใช้มันไปสักระยะและกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการอีกครั้ง

ทว่าผลการทดสอบของเธอเป็นที่น่าประหลาดใจมาก คุณเชื่อหรือไม่ว่าเชื้อมะเร็งของเธอหายไปจนหมดสิ้น!

หากคุณป่วยเป็นโรคมะเร็งมดลูกหรือใครก็ตามที่คุณรู้จักทนทุกข์ทรมานจากโรคนี้ หรือรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจุบันจนท้อใจแล้ว...ลองใช้สูตรรักษานี้เป็นทางเลือกดูนะคะ

น้ำว่านหางจระเข้ 100 กรัม
วอลนัท 500 กรัม
น้ำผึ้งบริสุทธิ์ 300 กรัม

วิธีทำ: นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน (สามารถบดด้วยมือหรือใช้เครื่องปั่นก็ได้)

วิธีใช้: กินส่วนผสมนี้หนึ่งช้อนชา ก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วโมง (แนะนำให้ทำสดใหม่ทุกวัน)

ทำไมถึงต้องเป็นว่านหางจระเข้

พืชชนิดนี้มีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างน่าอัศจรรย์ มันถูกนำมาใช้รักษาปัญหาสุขภาพต่างๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ

สิ่งสำคัญที่คุณควรทราบ:

หากคุณตัดสินใจที่จะลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาตินี้ คุณต้องบริโภคผักและผลไม้อื่นๆ ในปริมาณมากๆ ควบคู่ไปด้วยระหว่างการรักษา

ขอให้โชคดี!
นี่คือพืชมหัศจรรย์ที่ควรปลูกไว้ในบ้านมากที่สุด..เพราะช่วยรักษากลาก สะเก็ดเงิน และภูมิแพ้ผิวหนัง ได้ผลดี

ฉันคิดว่าว่านหางจระเข็เป็นพืชที่ควรปลูกไว้ในบ้านมากที่สุด พืชชนิดนี้แตกต่างจากพืชทั่วๆ ไปเพราะมันให้ประโยชน์อย่างมากมาย มันมีคุณสมบัติที่ช่วยรักษาผิวไหม้เกรียม รักษาบาดแผล รวมไปถึงรักษามะเร็ง และยังมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งอีกมากมายที่เราสามารถหาได้จากเนื้อและน้ำของว่านหางจระเข้ ที่ทุกคนควรรู้!

ว่านหางจระเข้ใช้ในการรักษากลาก โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนัง และโรคภูมิแพ้ผิวหนัง

-ว่านหางจระเข้สามารถรักษาผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนัง และภูมิแพ้ผิวหนังชนิดต่างๆ

-ล้างสารเคมีจากเครื่องสำอาง ว่านหางจระเข้มีความเย็นสามารถระบายความร้อนจากผิวได้เป็นอย่างดี

-ครีมนวดผม ใช้เจลว่านหางจระเข้ถูนวดบริเวณหนังศีรษะและเส้นผม หมักทิ้งไว้ประมาณ 2 นาทีและล้างออก

-เพิ่มลงในคลีนเซอร์ มันจะทำให้เส้นผมของคุณเงางามเป็นประกาย

-ว่านหางจระเข้ช่วยรักษาผิว ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคือง และการบรรเทาปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผิวคุณ

-ป้องกันและลบเลือนรอยแผลเป็น เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการสร้างเซลล์ผิวใหม่

-บรรเทาอาการเหงือกบวมและป้องกันการบวมพองต่างๆ ตามร่างกายของคุณ คุณสามารถใช้ว่านหางจระเข้ทาในบริเวณที่เกิดปัญหาได้

-ว่านหางจระเข้ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมและทำให้เส้นผมแข็งแรง

-เสริมสร้างเล็บของคุณให้แข็งแรง

-รักษาโรคเริม ผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนัง และภูมิแพ้ผิวชนิดอื่นๆ ว่านหางจระเข้สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

-ใช้เป็นครีมบำรุงผิว ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงโดยการส่งออกซิเจนไปยังเซลล์

-พลิกฟื้นผิวไหม้จากแสงแดด เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรค

-ใช้เป็นเจลสำหรับโกนหนวด มันจะทำให้ผิวของคุณเรียบเนียบขึ้น

-ต่อสู้กับเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัด ว่านหางจระเข้มีส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และสารเคมีที่เพิ่มสร้างโครงสร้างการติดเชื้อ

-บรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ง่ายๆ ด้วยการดื่มน้ำว่านหางจระเข้ มันจะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้

-ว่านหางจระเข้เป็นครีมบำรุงที่มีประสิทธิภาพมาก